ท่่ารำจาก ทรูปลูกปัญญา

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ละครพันทาง


ละครพันทาง เป็นละครแบบผสม ผู้ให้กำเนิดละครพันทางคือ เจ้าพระยามหินทร์ศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) ท่านเป็นเจ้าของคณะละครมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ แต่เพิ่งมาเป็นหลักฐานมั่นคงในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งแต่เดิมก็แสดงละครนอก ละครใน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านไปยุโรปจึงนำแบบละครยุโรปมาปรับปรุงละครนอกของท่าน ให้มีแนวทางที่แปลกออกไป ละครของท่านได้รับความนิยมมากในปลายรัชกาลที่ ๕ และสิ่งที่ท่านได้สร้างให้เกิดในวงการละครของไทย คือ
- ตั้งชื่อโรงละครแบบฝรั่งเป็นครั้งแรก เรียกว่า "ปรินซ์เทียเตอร์"
- ริเริ่มแสดงละครเก็บเงิน (ตีตั๋ว) ที่โรงละครเป็นครั้งแรก
- การแสดงของท่านก่อให้เกิดคำขึ้นคำหนึ่ง คือ "วิก" เหตุที่เกิดคำนี้คือ ละครของท่านแสดงสัปดาห์ละครั้ง คนที่ไปดูก็ไปกันทุกๆสัปดาห์ คือ ไปดูทุกๆวิก มักจะพูดกันว่าไปวิก คือ ไปสุดสัปดาห์ด้วยการไปดูละครของท่านเจ้าพระยา
เมื่อท่านถึงแก่อสัญกรรม โรงละครของท่านตกเป็นของบุตร คือ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (บุศย์) ท่านผู้นี้เรียกละครของท่านว่า "ละครบุศย์มหินทร์" ละครโรงนี้ได้ไปแสดงในยุโรปเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยไปแสดงที่เมืองปีเตอร์สเบิร์ก ในประเทศรัสเซีย ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นี้มีคณะละครต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงพระราชนิพนธ์บทละครบทละครเรื่อง "พระลอ (ตอนกลาง)" นำเข้าไปแสดงถวายรัชกาลที่ ๕ ทอดพระเนตร ณ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต เป็นที่พอพระราชหฤทัยมาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ได้ทรงตั้งคณะละครขึ้นชื่อว่า "คณะละครหลวงนฤมิตร" ได้ทรงนำพระราชพงศาวดารไทยมาทรงพระนิพนธ์เป็นบทละคร เช่น เรื่องวีรสตรีถลาง คุณหญิงโม ขบถธรรมเถียร ฯลฯ ทรงใช้พระนามแฝงว่า "ประเสริฐอักษร" ปรับปรุงละครขึ้นแสดง โดยใช้ท่ารำของไทยบ้าง และท่าของสามัญชนบ้าง ผสมผสานกัน เปลี่ยนฉากไปตามเนื้อเรื่อง เรียกว่า "บทละครพระราชพงศาวดาร" และเรียกละครชนิดนี้ว่า "ละครพันทาง"

ผู้แสดง
มักนิยมใช้ผู้แสดงชาย และหญิงแสดงตามบทบาทตัวละครที่ปรากฏในเรื่อง

การแต่งกาย
ไม่แต่งกายตามแบบละครรำทั่วไป แต่จะแต่งกายตามลักษณะเชื้อชาติ เช่น แสดงเกี่ยวกับเรื่องมอญ ก็จะแต่งแบบมอญ แสดงเกี่ยวกับเรื่องพม่า ก็จะแต่งแบบพม่า เป็นต้น

เรื่องที่แสดง
ส่วนมากดัดแปลงมาจากบทละครนอก เรื่องที่แต่งขึ้นในระยะหลังก็มี เช่น พระอภัยมณี เรื่องที่แต่งขึ้นจากพงศาวดารของไทยเอง และของชาติต่างๆ เช่น จีน แขก มอญ ลาว ได้แก่ เรื่องห้องสิน ตั้งฮั่น สามก๊ก ซุยถัง ราชาธิราช เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่ปรับปรุงจากวรรณคดีเก่าแก่ของภาคเหนือ เช่น พระลอ

การแสดง
ดำเนินเรื่องด้วยคำร้อง เนื่องจากเป็นละครแบบผสมดังกล่าวแล้ว ประกอบกับเป็นละครที่ไม่แน่นอนว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นบางแบบต้นเสียง และคู่ร้องทั้งหมดเหมือนละครนอก ละครใน บางแบบต้นเสียงลูกคู่ร้องแต่บทบรรยายกิริยา ส่วนบทที่เป็นคำพูด ตัวละครจะร้องเองเหมือนละครร้อง มีบทเจรจาเป็นคำพูดธรรมดาแทรกอยู่บ้าง ดังนั้นการที่จะทำให้ผู้ชมรู้เรื่องราว และเกิดอารมณ์ต่างๆจึงอยู่ที่ถ้อยคำ และทำนองเพลงทั้งสิ้น ส่วนท่าทีการร่ายรำมีทั้งดัดแปลงมาจากชาติต่างๆผสมเข้ากับท่ารำของไทย

ดนตรี
มักนิยมใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม เรื่องใดที่มีท่ารำ เพลงร้อง และเพลงดนตรีของต่างชาติผสมอยู่ด้วย ก็จะเพิ่มเครื่องดนตรีอันเป็นสัญลักษณ์ของภาษานั้นๆ เรียกว่า "เครื่องภาษา" เข้าไปด้วยเช่น ภาษาจีนก็มีกลองจีน กลองต๊อก แต๋ว ฉาบใหญ่ ส่วนพม่าก็มีกลองยาวเพิ่มเติมเป็นต้น

เพลงร้อง
ที่ใช้ร้องจะเป็นเพลงภาษา สำหรับเพลงภาษานั้นหมายถึงเพลงประเภทหนึ่งที่คณาจารย์ดุริยางคศิลปได้ประดิษฐ์ขึ้น จากการสังเกต และการศึกษาเพลงของชาติต่างๆ ว่ามีสำเนียงเช่นใด แล้วจึงแต่งเพลงภาษาขึ้นโดยใช้ทำนองอย่างไทยๆ แต่ดัดแปลงให้มีสำเนียงของภาษาของชาตินั้นๆหรืออาจจะนำสำเนียงของภาษานั้นๆมาแทรกไว้บ้าง เพื่อนำทางให้ผู้ฟังทราบว่า เป็นเพลงสำเนียงอะไร และได้ตั้งชื่อเพลงบอกภาษานั้นๆ เช่น มอญดูดาว จีนเก็บบุปผา ลาวชมดง ลาวรำดาบ แขกลพบุรี เป็นต้น คนร้องซึ่งมีตัวละคร ต้นเสียง และลูกคู่ จะต้องเข้าใจในการแสดงของละคร เพลงร้อง และเพลงดนตรีเป็นอย่างดี

สถานที่แสดง
แสดงบนเวที มีการจัดฉากไปตามท้องเรื่องเช่นเดียวกับละครดึกดำบรรพ์

วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ


รัฐบาลไทยกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติเนื่องจากวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินชลมารคและสถลมารค ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่ทรงคำนวณพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 2 ปี ว่าจะเกิดในวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 โดยจะเห็นหมดดวงที่หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรงเกาะจานขึ้นไปถึงปราณบุรี และลงไปถึง จ.ชุมพร จึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ไปสร้างค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับ มีคณะนักดาราศาสตร์จากประเทศฝรั่งเศส และเซอร์แฮรี ออด เจ้าเมืองสิงคโปร์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ และร่วมในการสังเกตการณ์

ผลการคำนวณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแม่นยำมาก เซอร์แฮรี ออด บันทึกเหตุการณ์ไว้ซึ่งต่อมาหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้แปลเป็นภาษาไทยในงานหว้ากอรำลึก ณ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2518 ว่า "พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระสำราญมาก เพราะการคำนวณเวลาสุริยุปราคาของพระองค์ ได้พิสูจน์แล้วว่าถูกถ้วนที่สุด ถูกถ้วนยิ่งกว่าที่ชาวยุโรปได้คำนวณไว้"

สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเฉพาะทางด้านดาราศาสตร์ มีแนวคิดว่าน่าจะถือเอาวันที่ 18 สิงหาคมเป็นวันวิทยาศาสตร์ไทย ต่อมาวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2525 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" พร้อมทั้งกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็น "วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ" วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2511 หลายหน่วยงาน เช่น สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ กรมอุทกศาสตร์ กรมชลประทาน กรมแผนที่ทหาร กรมอุตุนิยมวิทยา กรมไปรษณีย์โทรเลข ฯลฯ ได้ร่วมกันจัดงานขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

วันสุนทรภู่


ถ้าเอ่ยชื่อ "สุนทรภู่" เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกวีชาวไทยที่มีชื่อเสียงก้องโลก โดยเฉพาะกลอนนิทานเรื่อง "พระอภัยมณี" จนได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านงานวรรณกรรม หรือ “มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์" หรือ “เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย" และคงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "วันที่ 26 มิถุนายน" ของทุกปีคือ "วันสุนทรภู่" ซึ่งมักจะมีการจัดนิทรรศการ ประกวดแต่งคำกลอน เพื่อแสดงถึงการรำลึกถึง เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาด ขอพาไปเปิดประวัติ "วันสุนทรภู่" ให้มากขึ้นค่ะ...

ชีวประวัติ "สุนทรภู่"

สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 เวลา 2 โมงเช้า หรือตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลา 8.00 น. นั่นเอง ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ชื่อพ่อพลับ ส่วนมารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา ชื่อแม่ช้อย สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เชื่อว่าหลังจากสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้น สุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งสุนทรภู่ยังมีน้องสาวต่างบิดาอีกสองคน ชื่อฉิมและนิ่ม อีกด้วย

"สุนทรภู่" ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดีตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม เพราะตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว 20 ปี

ต่อมาสุนทรภู่ลอบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังคนหนึ่ง ชื่อแม่จัน ซึ่งเป็นบุตรหลานผู้มีตระกูล จึงถูกกรมพระราชวังหลังกริ้วจนถึงให้โบยและจำคุกคนทั้งสอง แต่เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 จึงมีการอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวายเป็นพระราชกุศล หลังจากสุนทรภู่ออกจากคุก เขากับแม่จันก็เดินทางไปหาบิดาที่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อ “พ่อพัด” ได้อยู่ในความอุปการะของเจ้าครอกทองอยู่ ส่วนสุนทรภู่กับแม่จันก็มีเรื่องระหองระแหงกันเสมอ จนภายหลังก็เลิกรากันไป

หลังจากนั้น สุนทรภู่ ก็เดินทางเข้าพระราชวังหลัง และมีโอกาสได้ติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะมหาดเล็ก ตามเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชา ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2350 และเขาก็ได้แต่ง “นิราศพระบาท” พรรณนาเหตุการณ์ในการเดินทางคราวนี้ด้วย และหลังจาก “นิราศพระบาท” ก็ไม่ปรากฏผลงานใดๆ ของสุนทรภู่อีกเลย

จนกระทั่งเข้ารับราชการในปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนแต่งตั้งให้เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งกลอนบทละครในเรื่อง "รามเกียรติ์" ติดขัดไม่มีผู้ใดต่อกลอนได้ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ทดลองแต่ง ปรากฏว่าแต่งได้ดีเป็นที่พอพระทัย จึงทรงพระกรุณาฯ เลื่อนให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร"

ต่อมาในราว พ.ศ. 2364 สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไมนานก็พ้นโทษ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "สังข์ทอง" ไม่มีใครแต่งได้ต้องพระทัย ทรงให้สุนทรภู่ทดลองแต่งก็เป็นที่พอพระราชหฤทัยภายหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 และ เชื่อกันว่าสุนทรภู่แต่งเรื่อง "สวัสดิรักษา" ในระหว่างเวลานี้ ซึ่งในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ "พ่อตาบ

"สุนทรภู่" รับราชการอยู่เพียง 8 ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) อยู่เป็นเวลา 18 ปี ระหว่างนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดต่างๆ หลายแห่ง ได้แก่ วัดเลียบ, วัดแจ้ง, วัดโพธิ์, วัดมหาธาตุ และวัดเทพธิดาราม ซึ่งผลจากการที่ภิกษุภู่เดินทางธุดงค์ไปที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ปรากฏผลงานเป็นนิราศเรื่องต่างๆ มากมาย งานเขียนชิ้นสุดท้ายที่ภิกษุภู่แต่งไว้ก่อนลาสิกขาบท คือ รำพันพิลาป โดยแต่งขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม พ.ศ. 2385 ทั้งนี้ ระหว่างที่ออกเดินทางธุดงค์ ภิกษุภู่ได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ 10 พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง 2 พรรษา ก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิม รวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย

ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังในปี พ.ศ. 2394 และรับราชการต่อมาได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามนเทียรบาล (บัว) ที่เรียกชื่อกันว่า "ห้องสุนทรภู่"

สำหรับทายาทของสุนทรภู่นั้น เชื่อกันว่าสุนทรภู่มีบุตรชาย 3 คน คือ"พ่อพัด" เกิดจากภรรยาคนแรกคือแม่จัน "พ่อตาบ" เกิดจากภรรยาคนที่สองคือแม่นิ่ม และ "พ่อนิล" เกิดจากภรรยาที่ชื่อแม่ม่วง นอกจากนี้ ปรากฏชื่อบุตรบุญธรรมอีกสองคน ชื่อ "พ่อกลั่น" และ "พ่อชุบ" อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น และตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้นามสกุลต่อมาว่า "ภู่เรือหงส์"

วันวาเลนไทน์


วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด

ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

สอนอ่าน

ช่วงชั้นที่ 2 (ชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 4-6) ของนายสำนวน นิรัตติมานนท์ ครู คศ.3 โรงเรียนบ้านราชกรูด สพท.ระนอง จังหวัดระนอง ได้ใช้เทคนิคกระบวนการสอนดังนี้

1.ใช้บทกลอนพาเพลิน เป็นบทกลอนที่ครูผู้สอนแต่งขึ้นมาเองเกี่ยวกับบทเรียนที่นักเรียนกำลังเรียนรู้อยู่หรือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวนักเรียนโดยเน้นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าสิ่งที่อยู่ไกลตัวนักเรียนจะทำให้นักเรียนมีความสนใจและอ่านได้เร็วกว่าโดยใช้คำง่ายๆไม่ยุ่งยากซับซ้อนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ครูผู้สอนรับผิดชอบ

2.ใช้วิธีการอ่านนำอ่านตาม โดยครูผู้สอนหรือนักเรียนที่อ่านหนังสือออกได้ถูกต้องตามหลักการอ่านอ่านนำแล้วให้นักเรียนที่อ่านหนังสือไม่ออก หรืออ่านไม่ได้ใช้นิ้วชี้ตามไปด้วย คือสรุปง่ายว่าเด็กนักเรียน นิ้วชี้ ตาดู หูฟัง ปากอ่าน โดยฝึกจากการอ่านที่ละคำ ทีละวรรค ทีละประโยค จากบทร้อยแก้วไปสู่บทร้อยกลอน

3.ใช้วิธีการท่องจำบทกลอนก่อนเลิกเรียนในแต่ละวันเปิดเรียนช่วงเย็น เมื่อนักเรียนทุกคนในชั้นเรียนอ่านและท่องจำบทกลอนบทนั้นๆที่ครูผู้สอนแต่งมาได้แล้ว (โดยครูผู้สอนทำการทดสอบนักเรียนทีละคนหน้าชั้นเรียน) ครูผู้สอนต้องแต่งบทกลอนมาเพิ่มให้กับนักเรียนใหม่และฝึกการอ่านนำอ่านตามใหม่หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้บ่อยๆ ซ้ำๆ ทุกวัน ช่วงเย็น โดยใช้วิธีการเดิมแต่บทกลอนเปลี่ยนไปเรื่อยๆก่อนเลิกเรียน ในไม่ช้า ไม่นาน นักเรียนก็จะอ่านได้เอง

4.ใช้วิธีฝึกเขียนบทกลอนที่นักเรียนอ่านและท่องจำได้แล้วด้วยลายเส้นประ โดยครูผู้สอนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แปลงตัวพิมพ์ให้เป็นลายเส้นประได้ ถ้าไม่เข้าใจหรือแปลงไม่ได้ให้ครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ช่วยทำให้ก็ได้ การแปลงตัวพิมพ์ให้เป็นลายเส้นประไม่จำเป็นต้องใช้แต่เฉพาะบทกลอน ใบความรู้ของแต่ละกลุ่มสาระวิชาก็สามารถทำได้ โดยทำเป็นลายเส้นประแล้วให้นักเรียนมาฝึกเขียนเมื่อเขียนเสร็จแล้วครูผู้สอนก็มาฝึกอ่านโดยใช้วิธีการอ่านนำและอ่านตามวิธีการเดิมก็ได้

จากที่กล่าวมาทั้งหมด 4 ข้อเป็นเทคนิควิธีการสอนแบบง่ายๆที่คุณครูสามารถช่วยให้เด็กนักเรียนอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณครูท่านใดมีความสนใจจะนำไปทดลองใช้กับนักเรียนที่มีปัญหาในเรื่องการอ่านเขียน ก็ได้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ยินดีมอบให้เป็นวิทยาทาน เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนตาดำๆที่น่าสงสาร และช่วยชาติให้ดำรงอยู่ได้ตลอดไป

ตัวอย่างบทกลอนพาเพลินและเทคนิคการสอนให้เด็กนักเรียนอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

1.กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชางานเกษตร เรื่อง การดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ

สอนพูดภาษาต่างๆ

ขอแนะนำเวบไซต์สำหรับเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง และฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ด้วยวิธีง่ายๆ ได้ผลเร็ว และที่สำคัญ ฟรี ! เหมาะสำหรับท่านที่อยากฟัง เข้าใจ และพูดสนทนาโต้ตอบภาษาอังกฤษแบบใช้งานได้จริง และเป็นธรรมชาติ ปราศจากความกดดัน ไม่ต้องหน้าดำคร่ำเครียดกับการเรียนกฎหรือหลักต่างๆ มากมายแบบเดิมๆ ไม่ต้องอ่านตำราเป็นตั้งๆ หรือท่องจำคำศัพท์เป็นพันๆ คำ แต่เรียนด้วยวิธีธรรมชาติ (แบบเดียวกับที่เจ้าของภาษา เรียนจนพูดของภาษาตัวเองได้นั่นเอง) ฟังเสียงและสำเนียง บทสนทนาจากเจ้าของภาษา ที่เจ้าของภาษาใช้พูดกันจริงๆ ในชีวิตประจำวัน หรือได้ยินได้ฟังตามสถานที่ทั่วๆ ไป ไม่ใช่ภาษาเขียนในแบบที่จะพบเจอแต่ในตำราแต่เพียงอย่างเดียว มีไฟล์เสียงสำหรับฝึกฟังโดยเจ้าของภาษาเอง ให้ download ไปฝึกฟัง ปรับหู ฝึกพูดตาม และฝึกโต้ตอบกันฟรีๆ ฟรี ฟรี ฟรี จ้า

นอกจากนี้ เราได้รวบรวมเวบไซต์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองไว้ให้อีกด้วย

เวบสำหรับ download ไฟล์เสียง (MP3) หรือไฟล์วิดีโอ ฟรี ! จากเจ้าของภาษา มีทั้งเรื่องเล่าหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจ บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องสั้นภาษาอังกฤษ สำหรับฝึกฟัง ฝึกพูดตาม และฝึกตอบคำถาม เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เราเคยชินกับการพูด การตอบ และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น โดยอัตโนมัติ

เคล็ดลับง่ายๆ ที่เจ้าของเวบไซต์สอนภาษาอังกฤษแนะนำมา คือ อย่าหักโหม อย่าเครียด อย่ากดดันตัวเอง แต่ให้ฟังทุกวัน วันละนิดละหน่อยก็ได้ แต่ให้ทำเป็นประจำ อย่าเลิกล้มความตั้งใจกลางคันเด็ดขาด ! วิธีนี้ นอกจากจะทำให้พูดง่ายตอบคล่อง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว ยังทำให้ได้สำเนียงพูด ที่ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย ส่วนวิธีการฝึกพูด ให้ได้สำเนียงแบบเจ้าของภาษาเป๊ะๆ ต้องลองไป download ไฟล์เสียง MP3 ที่เขาให้ download ฟรี ในเวบด้านล่าง มาฟังกันนะคะ เขามีแนะนำไว้ด้วยล่ะค่ะ

กดที่ Link ด้านล่างได้เลยค่ะ แล้วเลือก download จากหน้าเวบได้เลย หรือเลือกไฟล์เสียงจากปี ค.ศ. ที่อยู่ตรงทางขวามือของเวบ เพื่อ download ไฟล์เสียงที่ทางเวบจัดเรียงไว้ในแต่ละเดือน ของแต่ละปีก็ได้ค่ะ รับรอง

การเลือกซื้อสินค้า

1. ร้านค้า E-commerce เว็บไซด์ ของ click2smart ถือว่าเป็นร้านค้าลงทะเบียนและยืนยันการมีตัวตนอยู่จริงโดยการส่งเอกสารที่ยืนยันว่ามีตัวตนอยู่จริงคือ สำเนาบัตร ประชาชนของเจ้าของร้าน หรือกรณีที่เป็นนิติบุคคลจะต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามและหลักฐานการเป็นนิติบุคคลแก่ทางเจ้าหน้าที่ของ click2smart

2. click2smart.com เป็นเพียงแต่ผู้ให้บริการพื้นที่และโปรแกรมในการฝากข้อความโฆษณาและร้านค้าเท่านั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขาย สินค้าหรือบริการ แต่อย่างใดผู้ซื้อสินค้าจึงควรตรวจสอบสินค้าและบริการต่างๆ หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรืองานนั้นๆอย่างรอบคอบ

3. กรณีที่ถูกหลอกลวงท่านสามารถแจ้งความกับทางตำรวจได้ทันทีโดยแจ้งสถานีตำรวจพื้นที่ ที่ท่านทำการโอนเงินโดยอาศัยหลักฐานต่างๆที่ท่าน
ได้เก็บไว้

4. ร้านค้าที่มีการลงทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กับกระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะได้รับเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะแสดงหน้าแรกของร้านค้านั้น ถ้าเป็นร้านแบบฟรี ก็สามารถระบุลงไปในช่อง ข่าวสารของร้านค้าได้เช่นกัน เพื่อความมั่นใจสูงสุดในการซื้อสินค้า

5. ควรเก็บหลักฐานต่าง ๆ ในการซื้อขายไว้ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สัญญาซื้อขาย(ถ้ามี) ใบเสร็จหรือหลักฐานการโอนเงินเพื่อใช้ใน การติดตามและการตรวจสอบ ในกรณีที่ สินค้ามีปัญหาในภายหลัง เพราะชื่อ, ที่อยู่, บอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ในตอนแรกอาจมีการเปลี่ยนแปลง

6. ร้านค้าภายในเว็บไซด์ click2smart ที่มีเครื่องหมายแสดง แบบของ E-commerce เว็บไซด์ ทั้ง 3 แบบถือว่าเป็นร้านค้าที่มีคุณภาพ ต้องการทำการค้าในระยะยาว ร้านค้าเหล่านี้ได้ทำการลงทะเบียนผ่านระบบอัตโนมัติและแจ้งข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นอย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน

E-commerce เว็บไซด์แบบ standard

E-commerce เว็บไซด์แบบ excess

E-commerce เว็บไซด์แบบ perfect


7. ร้านค้าภายในเว็บไซด์ click2smart ที่มีเครื่องหมาย security banner ถือว่าเป็นร้านค้าที่มีการยืนยันตัวตนกับ click2smart แล้ว

Security Guarantee Banner (อ่านรายละเอียดการยืนยันตัวตนด้านล่าง)


8. click2smart มีการตรวจสอบร้านค้าอยู่เสมอ และดำเนินการปิดร้านค้าที่ไม่เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่า การซื้อ-ขาย ผ่านร้านค้าภายในเว็บไซด์ click2smart.com จะไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างใด

9.เพื่อความไม่ประมาทควรติดต่อสอบถามเจ้าของร้านค้าก่อนทำการสั่งซื้อสินค้าเพื่อความมั่นใจในกรณีที่ทำการ สั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก หรือสินค้าที่มีราคาแพง

10. เพื่อความไม่ประมาทของผู้ซื้อและผู้ขาย

10.1 ผู้ขายไม่ควรส่งส่งค้าให้กับผู้ซื้อก่อนที่จะได้รับการยืนยันเรื่องการชำระเงิน หากจำเป็นต้องส่งให้ก็ควรให้ไปแค่เป็นตัวอย่างเท่านั้น
10.2 กรณีที่นัดเจอกันเพื่อดูสินค้า อย่าไปในสถานที่ ที่ท่านไม่คุ้นเคยเด็ดขาด และไม่ควรจะนัดเจอกันในสถานที่ ที่มีผู้คนพลุกพล่านมากจนเกินไปนัก
เพราะกรณีเช่นนี้เคยเกิดเหตุมามากต่อมากแล้ว ควรจะนัดเจอกันในสถานที่ ๆ สะดวกทั้งสองฝ่ายและไม่มีผู้คนมาก เกินไป หรือน้อยเกินไป และที่สำคัญ กรุณาอย่าไปคนเดียวเด็ดขาดไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม สำคัญมาก ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่า

11. การซื้อสินค้าประเภท ยา, อาหารเสริม, เครื่องสำอางค์, ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือในการเสริมความงาม เป็นต้น ผู้ซื้อควรพิจารณาอย่างถ้วนถี่และตรวจเช็ค เลขที่ อย. จนแน่ใจ หรือไม่ควรเชื่อคำโฆษณาที่เกินความจริง

หมายเหตุ : การโฆษณาหรือบรรยายสรรพคุณสินค้าเกินความเป็นจริง หรือจงใจทำให้ผู้อ่านเข้าใจเป็นเช่นนั้น ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งได้


การตรวจสอบร้านค้าต่างๆ โดยผู้ดูแลระบบ

สาเหตุของการลบร้านค้า

1. ร้านค้าฟรีที่เปิดร้านแล้ว ไม่ใส่สินค้าสินค้าสักชิ้นเดียว เลยเป็นเวลานานเกินกว่า 14 วัน นับตั้งแต่วันที่เปิดร้านค้า ผู้ดูและระบบจะถือว่า เป็นการเปิดร้านค้าเล่นๆ, กลั่นแกล้ง หรือทดลองระบบเท่านั้น เพราะถ้าต้องการขายสินค้าจริงก็ควรจะมีสินค้ามาใส่ร้าน ซึ่งเปิดรออยู่ถึง 14 วัน

2. ร้านค้าฟรีที่มีสินค้าอยู่เพียง 1 ชิ้นเป็นระยะเวลานาน ไม่มีสินค้าอื่นมาเพิ่มเลยเป็นระยะเวลานานกว่า 30 วัน ผู้ดูและระบบจะ ถือว่าเป็นวิธีการหลบเลี่ยง จากการถูกลบ เมื่อเกิน 14 วันตามที่กำหนดในข้อ 1

3. ร้านค้าที่ฟรีไม่มีการเข้าระบบบริหารจัดการร้านค้าเลยติดต่อกันนานกว่า 30 วัน

4. ร้านค้าฟรีที่แจ้งข้อมูลร้านค้า เช่น ชื่อ นามสกุล, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, email ไม่ครบ และไม่ทำการแจ้งเพิ่มเติมเมื่อ click2smart ตรวจพบและแจ้งเตือนให้ส่งข้อมูล

สาเหตุที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบ

1. เกิดเหตุการณ์ฉ้อโกง หลอกลวง ในการซื้อขายกับร้านค้าที่ไม่ลงทะเบียน หรือยืนยันตัวตน ทำให้ทาง click2smart ต้องหามาตรการในการควบคุมร้านค้าฟรี
(ที่ไม่สุจริตในการทำการค้าบนอินเตอร์เน็ท) ไม่ให้สร้างความเสียหายกับทางเว็บ และเสียหายแก่ร้านค้าอื่นๆ

2. จากสถิติของ click2smart มีการเปิดร้านค้ามากมาย และมีร้านค้าฟรีจำนวนมากที่เปิดแล้วไม่มีการค้าขายจริงหรือ มีสินค้าแต่ไม่มีการใช้งานร้านจริง เช่นไม่เคย ตอบคำถามของผู้ชมในเว็บบอร์ดร้านตนเองเลย หรือมีผู้สั่งซื้อสินค้า online ไปแล้ว ไม่ได้รับการติดต่อ กลับเลย คือไม่ได้เช็ค email ของตนเอง

3. ร้านค้าฟรีที่มาเปิดกับ click2smart แล้วไม่ยอมแจ้งข้อมูลให้ครบถ้วนในการเปิดร้าน เช่น ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่, email
ยกตัวอย่าง ร้าน mixxing ชื่อเจ้าของ นายmixxing ที่อยู่ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพ เป็นต้น

ร้านค้าที่มีลักษณะนี้จะได้รับ email ติดต่อจากทีมงานผู้ตรวจสอบข้อมูลร้านค้า ส่งไปบอกให้แจ้งรายละเอียดภายใน 7 วัน หากทาง click2smart ยังไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องแต่อย่างใด ทีมงานจะลบร้านค้านั้นๆ ทันทีโดยไม่สนใจว่าร้านค้านั้นๆ จะมีสินค้าอยู่หรือไม่ เพราะถือว่าเจตนา ปิดบังข้อมูลที่แท้จริง ต่อผู้ให้บริการระบบ และผู้ซื้อสินค้าด้วย

4. ร้านค้าที่เปิดอย่างไม่มีคุณภาพหรือมีการปิดบังข้อมูลที่จำเป็น จะส่งผลให้ร้านค้าอื่นๆ ที่อยู่ใน Click Shopping Mall ได้รับผลกระทบที่ไม่ดีไปด้วย click2smart จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ในเรื่องคุณภาพของร้านค้า ไม่ใช่แค่เพียงระบบสำหรับใช้งานเท่านั้น ยังรวมไปถึงความน่าเชื่อถือ จากผู้ชมด้วย

5. ร้านค้าฟรีบางร้านเลิกดำเนินการตลาดแล้วและไม่มีการแจ้งกับทีมงานแต่อย่างใด แต่เข้ามาดูแลร้านบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อรักษาร้าน ฟรีไว้ ส่งผลให้เราไม่สามารถ ลบร้านได้ เพราะไม่รู้เลิกจริงหรือเปล่า จึงทำให้เกิดร้านค้าที่ไม่ใช้งานในระบบมีมาก และคนเข้าชมเว็บ ก็เบื่อที่จะเข้ามา ทีไรก็เห็นแต่ร้านโล่งๆ ซะส่วนใหญ่


การยืนยันตัวตนกับ click2smart ไม่ยากอะไรเลยและไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดเลย เพื่อให้เกิดความสบายใจกับผู้ชมที่เข้ามา ชมสินค้าและ ซื้อสินค้าของร้านค้าต่างๆ เพราะว่าผู้เข้ามาเยี่ยมชมไม่สามารถหาหลักประกันอะไรได้เลยจากการซื้อสินค้าของคุณ การค้าขายบนอินเตอร์เน็ทต้องจ่ายเงินไปก่อนของจึงจะตามมา ซึ่งเป็นช่องโหว่ให้พวกมิจฉาชีพเข้ามาแฝงตัวอยู่ ในสังคมของเจ้าของร้านค้า ที่ต้องการเปิดร้านค้า เพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง

click2smart หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากร้านค้าใน Click Shopping Mall ร่วมมือกัน ยืนยันตัวตนกับ click2smart เพื่อส่งเสริมให้ ecommerce ในประเทศไทยเติบโตไปได้อีกยาวไกล ซึ่งนั่นก็หมายความถึงความเจริญก้าวหน้าของร้านค้าด้วย เมื่อผู้ชมเกิดความไว้วางใจในระบบ ecommerce ก็จะเกิดการซื้อมากขึ้น
เพราะการขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ท ผู้ซื้อเสียเปรียบผู้ขายในกรณีที่ต้องโอนเงินก่อน การเติบโตของ Ecommerce จึงช้ามากเพราะผู้ซื้อลังเลและกลัวไม่ได้ของ หรือของไม่เป็นอย่างที่เห็นในเว็บ


วิธีการยืนยันตัวตน ต่อ Click Shopping Mall ทำได้โดยการส่งเอกสารยืนยันตัวตน ได้แก่

-- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของร้าน (กรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา)
-- สำเนาภพ.20 (กรณีที่เป็นนิติบุคคล)

หมายเหตุ : สำเนาเอกสารสำคัญทั้งสองประเภทนี้ ควรมีการขีดคร่อมและเซ็นกำกับว่า
"ใช้เพื่อยืนยันตัวตนของร้าน ...ระบุชื่อร้าน... กับ Click Shopping Mall www.click2smart.com เท่านั้น"

เพื่อยืนยันและแสดงตัวตนในการเปิดร้านค้าบนอินเตอร์เน็ท click2smart จึงต้องขอความร่วมมือท่านเจ้าของร้านในการส่งเอกสารดังกล่าวได้โดย
หมายเลขโทรสาร 02-528 5881 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
หรือแสกนเอกสารส่งทาง Email address : marketing@click2smart.com

ทั้งนี้การได้รับ security banner จะเป็นเครื่องหมายรับประกันว่าร้านค้านั้นๆ ได้เปิดทำการโดยความจริงใจ ทำให้ผู้เข้าชมร้านมีความมั่นใจและยังมีส่วน เพิ่มความ
น่าเชื่อถือให้กับร้านค้านั้นๆ อีกด้วย


click2smart ยังคงให้บริการร้านค้า E-commerce ฟรี ตามปกติ แต่ทางทีมงานจำเป็นต้องตรวจสอบในหลายๆ ด้านดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ร้านค้าฟรีที่ดีก็มีเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน security guarantee banner จึงเกิดขึ้นเพื่อแยกร้านค้าที่ต้องการขายสินค้าอย่างแท้จริงๆ


พบเห็นหรือมีเรื่องราวของการหลอกลวงจากร้านค้าใน Click Shopping Mall หรือจากประสบการณ์ของคุณ ของเพื่อน หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ การประกอบธุรกิจ Ecommerce สามารถส่งมาให้ click2smart ได้ ทีมงานเรายินดีเป็นสื่อกลางในการช่วยสนับสนุน Ecommerce ให้เติบโต โดยปราศจากการหลอกลวง

เรื่องราวของท่านที่ถูกส่งเข้ามาจะถูกนำมาจัดขึ้นแสดงในหัวข้อ บทความเกี่ยวกับ Ecommerce โดยระบุผู้

การทํารายงาน

การเขียนรายงานผลการดำเนินงาน

หลักการเขียนรายงานผลการดำเนินงาน
การดำเนินกิจกรรมกลุ่มคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของระบบบริหารงานคุณภาพในองค์กร เมื่อการดำเนินกิจกรรมกลุ่มคุณภาพมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาองค์กร ผู้ดำเนินการก็ต้องจัดทำรายงานเสนอต่อผู้บริหาร รายงานนี้จะเป็นองค์ประกอบของระบบเอกสารตามมาตรฐาน ISO 9001 : 2000ด้วย นอกจากนี้ข้อกำหนดในมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 ยังมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานขององค์กร และต้องมีการบันทึกผลการตรวจสอบด้วย ดังนั้นจึงควรทราบถึงหลักการเขียนรายงานเพื่อให้สามารถเขียนรายงานผลการดำเนินงานหรือผลการตรวจสอบผลการดำเนินงานที่ถูกต้อง

หลักการเขียนผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย

1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของการเขียนรายงาน เราต้องกำหนดวัตถุประสงค์การเขียนรานงานทุกครั้ง เช่น
- เป็นการรายงานเรื่องอะไร
- เป็นการรายงานต่อผึผู้บังคับบัญชาระดับใด
- ต้องการรายงานเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องอะไรเป็นสำคัญ

2. การกำหนดเนื้อหาของรายงาน ควรเป็นสาระสำคัญเท่านั้น การพิจารณาสาระสำคัญได้แก่
- จัดเรียงลำดับความสำคัญของเนื้อหาที่เราต้องการรายงาน
- ตัดเนื้อหาส่วนที่เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อยหรือไม่เกี่ยวข้องออกไป
- ทบทวนแล้วนำมาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน หากเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ก็เพิ่มสาระสับสนุนให้รายงานมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

3. การรายงานวิธีการดำเนินงาน ต้องคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้
- การใช้ถ้อยคำที่ตรงกับความหมาย ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันที ใช้ถ้อยคำที่กระชับตัดคำที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออก
- เรียงข้อความตามลำดับขั้นตอนการทำงาน อาจจะแบ่งเป็นขั้นตอนตามลักษณะงานที่ได้ทำ หรือแบ่งตามหน้าที่ของบุคลากรหรืออื่นๆ ที่ทำให้ผู้อ่านมองภาพการทำงานได้พอสมควร

4. การนำเสนอข้อมูลประกอบการรายงาน ต้องนำเสนอดังนี้
- แหล่งที่มาของข้อมูล จัดเก็บมาจากหน่วยงานใด วันที่เก็บ
- วิธีการนำเสนอข้อมูลมีหลายวิธี ได้แก่
ก. นำเสนอด้วยตารางแจกแจงความถี่ (เป็นข้อมูลดิบ)
ข. นำเสนอด้วยข้อมูลที่ทำการวิเคราะห์มาแล้ว มีการใช้สถิติวิเคราะห์ เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละเป็นต้น
ค. นำเสนอด้วยกราฟพลาโตหรือฮีทโตแกรม
- การแจกแจงข้อมูล เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยนำตัวเลขข้อมูลมาบรรยายสรุปตามความเป็นจริง

5. การสรุปผลการดำเนินงาน เป็นจุดสำคัญของรายงานที่ผู้อ่านจะให้ความสนใจมากที่สุดดังนั้นการสรุปผลการดำเนินงานต้องมีความชัดเจน มีผลที่เป็นจริงพิสูจน์ได้ มีความสอดคล้องกับข้อมูลที่นำมาเสนอ และที่สำคัญคือ สรุปผลให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการรายงาน

6. การให้ข้อเสนอแนะ เป็นความคิดเห็นของผู้รายงานที่ได้จากสภาพการดำเนินงานที่มองเห็นจุดที่มองเห็นจุดที่ควรเสริมให้มีความสมบูรณ์ หรือให้มีคุณภาพการทำงานเพิ่มขึ้น

โครงสร้างของรายงานผลการดำเนินงาน
รายงานผลการดำเนินงานมีโครงสร้างดังนี้

1. ปกรายงานประกอบด้วย
- ชื่อรายงานผลการดำเนินงาน
- ผู้รายงานหรือผู้ร่วมงาน
- เสนอต่อ..................หน่วยงานต้นสังกัด องค์กร
- ช่วงเวลาที่ดำเนินงาน
- อื่นๆ เช่น ภาพ สัญลักษณ์ ฯลฯ

2. คำนำ เขียนวัตถุประสงค์ของการจำทำรายงาน

3. สารบัญ

4. บทนำ เป็นการให้รายละเอียดทั่วไปของหน่วยงาน วัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน หลักการและเหตุผลของการดำเนินงาน รายชื่อผู้ร่วมงาน รายชื่อที่ปรึกษา ระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณ ปัญหาอุปสรรค์ที่พบระหว่างการทำงาน

5. สาระของรายงาน ประกอบด้วย
- รายงานตามขั้นตอนหรือวิธีการทำงาน
- รายงานตามลักษณะอุปสรรค์ปัญหา และวิธิการแก้ไข
- รายงานตามแบบฟอร์มขององค์กร
- รายงานเป็นตารางกำหนดการทำงาน
- บรรยายสภาพการทำงานอย่างละเอียดเพื่อให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น (รายงานผลการศึกษาวิธีการทำงาน : Method Study)
- รายงานด้วยแผนภูมิ แสดงความเชื่อมโยงของงานแต่ละหน่วยงาน
- รายงานเป็นภาพจำลอง เช่น ภาพจำลองการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่

6. แสดงข้อมูลประกอบการรายงาน

7. สรุปผลการรายงาน ควรสรุปเป็นลักษณะต่อไปนี้
1. เป็นข้อๆ เรียงตามลำดับความสำคัญ
2. ถ้าเป็นผลกระทบให้สรุปผลกระทบจากส่วนใหญ่ไปสู่ส่วนย่อย ตัวอย่าง
- ผลกระทบต่อประเทศ
- ผลกระทบต่อองค์กร
- ผลกระทบต่อหน่วยงาน
- ผลกระทบต่อบุคลากร

8. ข้อเสนอแนะ

9. ภาคผนวก เป็นรายงานอื่นๆ สถิติอื่นๆ ที่นำมาประกอบการรายงานหรือผลการตรวจสอบครั้งที่แล้ว แบบสอบถาม สำเนาภาพถ่าย ภาพถ่าย ฯลฯ

10. เอกสารอ้างอิง

รายงานผลการตรวจสอบผลการดำเนินงาน
รายงานผลการตรวจสอบผลการดำเนินงาน เป็นเอกสารสำคัญในการบริหารงานคุณภาพที่ผู้ทำหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบต้องจัดทำบันทึกและเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบ
รายงานผลการตรวจสอบผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย

1. ปกรายงานได้แก่
- ชื่อองค์กร "บริษัทเอกภาพไพศาล จำกัด"
- ชื่อหน่วยงาน "ฝ่ายตรวจสอบภายใน"
- รายงานผลการตรวจสอบเรื่อง "ความปลอดภัย"
- เป็นเอกสาร.........
- วันที่เริ่มตรวจ
วันที่ตรวจเสร็จ
ระยะเวลาการตรวจสอบ...................วัน
- รายชื่อคณะกรรมการผู้ตรวจสอบ

2. เรื่องในรายงาน ประกอบด้วย
- บทสรุปผลการตรวจสอบ
- รายงานความเห็นของคณะกรรมการผู้จรวจสอบ

3. รายละเอียดประกอบการรายงาน ได้แก่
- ใบมอบหมายให้ทำการตรวจสอบ
- กำหนดการตรวจสอบ
- บันทึกการตรวจสอบ
- สำเนาเอกสารผลการตรวจสอบครั้งล่าสุด
- ใบรายงานผลการตรวจสอบครั้งล่าสุด
- ใบรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงาน

การโฆษณาสินค้า

โฆษณา เป็นการประกาศสินค้าหรือบริการให้ประชาชนโดยทั่วไปทราบ เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดเพื่อบอกกล่าวให้ผู้บริโภครู้สึกถึงคุณค่าและความแตกต่าง รู้จักและก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือใช้บริการนั้น[1] ในอดีตการเริ่มต้นของการโฆษณาจะเป็นลักษณะของการร้องป่าวประกาศเชิญชวน ปัจจุบันการโฆษณาทำได้ตามสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ เป็นต้น โดยเจ้าของกิจการจะว่าจ้างบริษัทรับทำโฆษณา เพื่อทำการโฆษณาสินค้าและบริการในสื่อต่างๆ เช่น ป้ายโฆษณากลางแจ้งตามถนนสายหลัก ซึ่งเป็นสื่อที่ช่วยประหยัดงบประมาณได้และสามารถตอกย้ำตราสินค้าได้อีกทางหนึ่ง

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การแต่งตัว


ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีสรีระร่างกายบางส่วนไม่สวยมักประสบปัญหาการสวมใส่เสื้อผ้า บางทีเสื้อผ้าสวยงาม ยี่ห้อดี ๆ แต่พอซื้อมาใส่เองกลับดูไม่ได้เลย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า แต่อยู่ที่การเลือกชุดให้เข้ากันและการรู้จักตกแต่งเพิ่มเติม

หน้าอกโตลงด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม
ผู้หญิงที่มีหน้าอกโตแล้วยังใส่เสื้อหลวม ๆ สีอ่อนมีลายยาวเป็นทาง แถมยังใส่กระโปรงสั้นเข้มอีก สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ไปเน้นความใหญ่โตโอฬารของหน้าอก ที่ถูกต้องแล้วควรทำดังต่อไปนี้ สวมเสื้อที่มีสีเข้ม ยิ่งเป็นสีดำก็ยิ่งดี เสื้อที่ว่าไม่ต้องมีลายอะไรไม่ว่าลายขวางยาวหรือทางขวาง ที่สำคัญต้องเป็นเสื้อที่รัดรูป แล้วใส่คู่กับกระโปรงสีอ่อน ๆ ทั้งหมดนี้ช่วยช่อนรูปและพรางตาให้หน้าอกมีขนาดเล็กลง

ลดขนาดต้นแขนด้วยเสื้อแขน 3 ส่วน
ถ้าคุณมีต้นแขนที่ใหญ่โตเหมือนท่อนซุง การที่คุณจะใส่เสื้อแขนกุด สีโทนอ่อนนั้น ดูแล้วคงจะพิลึก ดังนั้น วิธีแก้ก็คือให้ใส่เสื้อแขน 3 ส่วนปกปิดต้นแขนที่ ใหญ่โตมโหฬารของคุณ และควรเลือกสีที่สดใส ฉูดฉาดเพื่อกลบเกลื่อนทรวดทรงที่ไม่สวยของคุณ

ก้นกระชับด้วยกางเกงรัดรูปสีดำ
สีเข้มสามารถกลบเกลื่อนความใหญ่โตของอวัยวะบางส่วนได้ ผู้หญิงที่ก้นใหญ่สามารถใช้ความจริงข้อนี้มาเป็นประโยชน์กับตัวเองได้ แทนที่คุณจะใส่กางเกงหลวม ๆ สีอ่อน ๆ แล้วไปเน้นความใหญ่ของก้นของคุณก็เปลี่ยนมาใส่กางเกงรัดรูปสีเข้ม ๆ สีดำยิ่งดี เพื่อพรางตาให้ดูเหมือนว่าก้นคุณไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ถ้าใส่สีเข้มทั้งเสื้อและกางเกงแล้วดูไม่ค่อยสดใสก็อาจใส่เสื้อสีโทนร้อนแรง เพื่อเพิ่มสีสันขึ้นก็ได้

ขาสวยด้วยกระโปรงสีโทนอ่อน
ผู้หญิงที่มีขาที่ยาวและเล็กหรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าขาตะเกียบ มักมีปัญหาเวลาสวมกระโปรงสั้นแค่เข่า เนื่องจากกระโปรงแบบนี้ คุณต้องโชว์เรียวขาของคุณ ยิ่งถ้ากระโปรงนั้นมีลีดำเข้าไปอีก ก็จะยิ่งดูไม่สวยมากขึ้นเพราะจะเน้นความเล็ก และยาวของขาคุณทางแก้คือให้หากระโปรงยาวเลยเข่าสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีเทา สีครีมมาใส่ เพราะว่าสีอ่อนสามารถพรางตาทำให้ดูเหมือนว่าคุณมีช่วงขาที่สมส่วน ถ้าได้ใส่เข้าคู่กับรองเท้าบู๊ตยาวประมาณเข่าที่ช่วยปิดบังท่อนขาช่วงล่างของคุณ ก็จะยิ่งดูดีขึ้นอีกเป็นกอง

การศึกษาเรื่องเรียน

[ขอคำแนะนำ] เรื่องเรียนต่อป.โทต่างประเทศครับ พร้อมรายละเอียดนะครับ


ผมกำลังจะเรียนจบป.ตรี รัฐศาสตร์ (IR)

หลังจากเรียนจบจะเข้าทำงานทางด้าน Public Administration 2-3 ปี

หลังจากนั้นผมวางแผนไปเรียนต่อป.โททางด้าน Public Administration/Public Management/Public Policy

จึงอยากให้พี่ๆห้องนี้แนะนำมหาลัย (Graduate School) ที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้(ในระดับที่ผมจะพอเข้าได้ หรีอพอมีลุ้น - -*)
ทั้งในอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นๆก็ได้ครับ

รายละเอียดส่วนตัวที่พอจะบอกได้ตอนนี้คือ
คาดว่าหลังจากจบได้ GPAX ประมาณ 3.5x-3.6x
คะแนน TOEFL iBT ประมาณ 105-110
คะแนน IELTS ประมาณ 7.5-8
ส่วนคะแนนอื่นๆที่อาจจะต้องใช้ เช่น GRE ยังไม่แน่ใจ และยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการสอบเลยครับ

ขอบคุณมากครับ

ปล. ผมพยายามเริ่มศึกษาเรื่องการเรียนต่อตั้งแต่เนิ่นๆน่ะครับ ตอนนี้เรื่องมหาลัยที่จะไปเรียนเป็น priority ของผมอยู่(เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง) ส่วนรายละเอียดเรื่องการสมัครเข้าเรียน คะแนนทดสอบต่างๆ หลักฐานเอกสารที่ต้องใช้ต่างๆก็กำลังศึกษาอยู่ครับ ถ้าพี่ๆจะมีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆก็ยินดีครับ

วงดนตรีสตริง


วงดนตรีสตริง เล่นสด
วงดนตรีแสดงสด โซดา แบนด์ อ่างทอง


วงดนตรีสตริงรับจัดงานเลี้ยงทุกรูปแบบ ไม่ว่างานโรงงาน งานบวช งานแต่ง
เรามีเดนเซอร์ที่น่ารักและความเซ้กซี่ มีทีมงานเครื่องเสียงในระดับคุณภาพ
นักดนตรีของเราเล่นสด 4 ชิ้น กีต้าร เบส กลอง คีบอร์ด
นักร้องเสียงคุณภาพผ่านงานประกวดในการร้องเพลงมาหลายเวที
เราสามารถเล่นเพลงได้ทุกแนวไม่ว่าจะเป็น ลุกทุ่ง หมอลำ เพลงสากล
เพลงแนวเพื่อชีวิต เพลงวัยรุ่นฮิตติดตลาด
เราผ่านงานตามโรงงานใหญ่ ๆมาหลายโรงงาน งานในโรงแรมใหญ่ ๆ
รับประกันคุณภาพของงานต่อสายตาท่านเจ้าภาพเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
สนใจติดต่อได้ที่ คุณจิรศักดิ์ พรหมทอง ได้โดยตรงที่เบอร์โทร
086 - 1261457 ขอรูปการแสดงเพิ่มเติมได้ที่ ราคาไม่แพงอย่างที่ท่านคิด
โทรมาติดต่อสอบถามราคากัน

ประวันพระ

วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ หรือ วันอุโบสถ หมายถึง วันประชุมของพุทธศาสนิกชนเพื่อปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในพระพุทธศาสนาประจำสัปดาห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปอีกคำหนึ่งว่า "วันธรรมสวนะ" อันได้แก่วันถือศีลฟังธรรม (ธรรมสวนะ หมายถึง การฟังธรรม) โดยวันพระเป็นวันที่มีกำหนดตามปฏิทินจันทรคติ โดยมีเดือนละ 4 วัน ได้แก่ วันขึ้น 8 ค่ำ, วันขึ้น 15 ค่ำ (วันเพ็ญ), วันแรม 8 ค่ำ และวันแรม 15 ค่ำ (หากเดือนใดเป็นเดือนขาด ถือเอาวันแรม 14 ค่ำ)

วันพระนั้นเดิมเป็นธรรมเนียมของปริพาชกอัญญเดียรถีย์ (นักบวชนอกพระพุทธศาสนา) ที่จะประชุมกันแสดงธรรมทุก ๆ วัน 8 ค่ำ 15 ค่ำ ซึ่งในสมัยต้นพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังคงไม่ได้ทรงวางระเบียบในเรื่องนี้ไว้ ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลพระราชดำริของพระองค์ว่านักบวชศาสนาอื่นมีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรมคำสั่งสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าพุทธศาสนายังไม่มี พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาตให้มีการประชุมพระสงฆ์ในวัน 8 ค่ำ 15 ค่ำ และอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนาแก่ประชาชนในวันดังกล่าว โดยตามพระไตรปิฎกเรียกวันพระว่า วันอุโบสถ (วัน 8 ค่ำ) หรือวันลงอุโบสถ (วัน 14 หรือ 15 ค่ำ) แล้วแต่กรณี[1]

หลังจากนั้น พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันธรรมสวนะสืบมา โดยจะเป็นวันสำคัญที่พุทธศาสนิกชนจะไปประชุมกันฟังพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์ที่วัด ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่าได้มีประเพณีวันพระมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย[2]

วันพระในปัจจุบัน คงเหลือธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แต่เฉพาะประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท เช่น ศรีลังกา, พม่า, ไทย, ลาว และเขมร (ในอดีตประเทศเหล่านี้ถือวันพระเป็นวันหยุดราชการ) โดยพุทธศาสนิกชนเถรวาทนับถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่จะถือโอกาสไปวัดเพื่อทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์และฟังพระธรรมเทศนา สำหรับผู้ที่เคร่งครัดในพระพุทธศาสนาอาจถือศีลแปดหรือศีลอุโบสถในวันพระด้วย นอกจากนี้ชาวพุทธยังถือว่าวันพระไม่ควรทำบาปใด ๆ โดยเชื่อกันว่าการทำบาปหรือไม่ถือศีลห้าในวันพระถือว่าเป็นบาปมากกว่าในวันอื่น

ในประเทศไทย หลังจากวันพระได้ถูกยกเลิกไม่ให้เป็นวันหยุดราชการ ทำให้วันพระที่กำหนดวันตามปฏิทินจันทรคติส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับปฏิทินที่ใช้กันอยู่ทั่วไป (เช่น วันพระไปตรงกับวันทำงานปกติ) ซึ่งคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญในปัจจุบันที่ทำให้พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยห่างจากการเข้าวัดเพื่อทำบุญในวันพระ

นอกจากนี้ ในประเทศไทยยังมีคำเรียกวันก่อนวันพระหนึ่งวันว่า วันโกน เพราะปกติในวันขึ้น 14 ค่ำปกติ ก่อนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เป็นธรรมเนียมของพระสงฆ์ในประเทศไทยที่จะโกนผมในวันนี้

วันครู


ในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 16 มกราคมของทุกๆ ปี เป็น วันครู และการจัดงานวันครู ได้มีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 และให้ดำเนินเรื่อยมาทุกปี นับตั้งแต่บัดนั้นมา โดยจัดให้มี วันครู ขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ

ความหมายของครู

ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ

ความสำคัญของครู

ในชีวิตของคนเราถือว่า บิดามารดา เป็นผู้มีพระคุณอันสูงสุด เพราะท่านเป็นผู้ให้ชีวิต ให้ความรัก ให้ความเมตตา มีความห่วงใย และเสียสละเพื่อลูก นอกจาก บิดามารดา แล้ว ก็มีครูเป็นผู้มีพระคุณคล้าย บิดามารดา คือ เป็นผู้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ รวมทั้งให้ความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ทุกคน นับได้ว่าครูเป็นผู้เสียสละที่ไม่แพ้บุพการี

ครูจึงนับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก ในการให้การศึกษาเรียนรู้ ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ ตลอดเป็นผู้มีความเสียสละ ดูแลเอาใจใส่ สั่งสอนอบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา อันเป็นหนทางแห่งการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง รวมทั้งนำพาสังคมประเทศชาติ ก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ฉะนั้นวันที่ 6 ตุลาคม จึงได้เป็นวันครูสากล เพื่อคนที่เป็นครูทั่วโลกที่เสียสละนำพาเราทุก ๆคน ไปถึงฝั่งฝันนั่นเอง

ประวัติความเป็นมา

วันครู ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครู และครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้ และความสามัคคีของครู

ทุกปีคุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา เป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา

พ.ศ.2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า

"ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า วันครู ควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"

จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ให้มีวันครูเพี่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพจารย์ ส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครูและพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน

คณะมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น วันครู โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 เป็น วันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว

งานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญ คือ หนังประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ







บทสวดเคารพครู

(สวดนำ) ปาเจราจริยาโหนฺติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกา

ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ

(สวดทำนองสรภัญญะ)

(สวดนำ) อนึ่งข้าคำนับน้อม (รับพร้อมกัน) ต่อพระครูผู้การุณย์

โอบเอื้อและเจือจุน อนุศาสน์ทุกสิ่งสรรพ์

ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน

ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอรรถให้ชัดเจน

จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน

เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม

ขจัดเขลาบรรเทาโม หะจิตมืดที่งุนงม

กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ

คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร

ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชม

(กราบ)

การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันครู

เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาท และหน้าที่ของครู ตลอดจนจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีครู และบทบาทหน้าที่ของศิษย์ที่พึงปฏิบัติต่อครู คลอดจนการจัดกิจรรมได้เหมาะสม และมีประสิทธภาพ

กิจกรรมวันครู

การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. กิจกรรมทางศาสนา

2. พิธีรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตนการกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์

3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬา หรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น







ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วย บุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับ ส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอ

รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยคุรุสภา คณะกรรมการการจัดงาน วันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์จำนวน 1,000 รูป

หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีกล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์

จากนั้นประธานจัดงาน วันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบ 1 นาที เพื่อรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อด้วยครูอาวุโสในประจำการ ผู้นำร่วมประชุมกล่าวปฏิญาณ

คำปฏิญาณตนของครู

ข้อ 1 ข้าจะบำเพ็ญตน ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู

ข้อ 2 ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ

ข้อ 3 ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครู และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม

จากนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคล แล้วต่อด้วยนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอก และในประจำการ สุดท้ายกล่าวปราศรัยกับคณะครูที่มาประชุม
ข้าจะบำเพ็ญตน ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครู และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม

มารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู

1. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

2. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น

3. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตน ให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้

4. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู

5. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา

6. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ

7. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตน

8. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ

9. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา

10. รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน


รายชื่อประเทศที่มี วันครู

ประเทศที่มี วันครู ที่ไม่ใช่วันหยุด

- อินเดีย วันครูตรงกับวันที่ 5 กันยายน
- มาเลเซีย วันครูตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคม
- ตุรกี วันครูตรงกับวันที่ 24 พฤศจิกายน

ประเทศที่มี วันครู เป็นวันหยุด

- แอลเบเนีย วันครูตรงกับวันที่ 7 มีนาคม
- จีน วันครูตรงกับวันที่ 10 กันยายน
- สาธารณรัฐเช็ก วันครูตรงกับวันที่ 28 มีนาคม
- อิหร่าน วันครูตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม
- ละตินอเมริกา วันครูตรงกับวันที่ 11 กันยายน
- โปแลนด์ วันครูตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม
- รัสเซีย วันครูตรงกับวันที่ 5 ตุลาคม
- สิงคโปร์ วันครูตรงกับวันที่ 1 กันยายน
- สโลวีเนีย วันครูตรงกับวันที่ 28 มีนาคม
- เกาหลีใต้ วันครูตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม
- ไต้หวัน วันครูตรงกับวันที่ 28 กันยายน
- ไทย วันครูตรงกับวันที่ 16 มกราคม
- สหรัฐอเมริกา วันอังคารในสัปดาห์แรกที่เต็ม 7 วันในเดือนพฤษภาคม
- เวียดนาม วันครูตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายน

วันวิสาฆบูชา



ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๖



ประสูติ


ตรัสรู้


ปรินิพพาน

ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสาขปุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗

ความสำคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ

๑. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี

๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

๓. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง ๓ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังนั้นเมื่อถึงวันสำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีปของโลก





--------------------------------------------------------------------------------
ประวัติความเป็นมาของวันวิสาขบูชาในประเทศไทย
วันวิสาขบูชานี้ ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจากลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาอย่าง มโหฬาร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ทรงดำเนินรอยตาม แม้ปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่

สมัยสุโขทัยนั้น ประเทศไทยกับประเทศลังกามีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะพระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้นำการประกอบพิธีวิสาขบูชามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย

ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า " เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัยทั่วทุก หมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราช ดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ต ลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระ อารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน

ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุ ยืนยาวต่อไป "

ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงดำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้น เป็นครั้งแรกในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เญ็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน

ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งทางราชการเรียกว่างาน " ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระ ราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ตามศรัทธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์รวม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ ๒,๕๐๐ รูป ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เป็นเวลา ๓ วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับสัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย

วันคริสต์มาส


ถึงช่วงปลายปีทีไร ชาวไทยเราก็มีเรื่องฉลองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่หรือวันคริสต์มาสที่กำลังจะเข้ามาถึง แม้ว่าวันคริสต์มาสนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธสักเท่าไร แต่พี่ไทยซะอย่าง ฉลองได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะไปฉลองกัน ลองมารู้จักกับวันคริสต์มาสก่อนดีไหม


ตำนานวันคริสต์มาส

คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

วันลอยกระทง



ประเพณีลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณีนี้ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อกันว่างานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน

ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า

ก่อนที่นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทงดอกบัวขึ้นเป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฎในหนังสือนางนพมาศที่ว่า

"ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่าง ๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้ป็นลวดลาย..."

เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณีลอยกระทงขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ตั้งแต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา